หนูจะกลับมาดูแลพ่อเอง - หนูจะกลับมาดูแลพ่อเอง นิยาย หนูจะกลับมาดูแลพ่อเอง : Dek-D.com - Writer

    หนูจะกลับมาดูแลพ่อเอง

    เธอเป็นบุตรชายคนเดียวของครอบครัว ในวัยเด็กบุคลิกของสมชาย ไม่เป็นที่พึงพอใจของบิดา เพราะเธออ้อนแอ้น ดังสตรี เธอมักถูกเตี่ยบูลลี่เสมอ เมือเรียนจบชั้น ปวช.แล้วจึงเดินทางไปหางานที่พัทยา และโชคก็ช่วย

    ผู้เข้าชมรวม

    123

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    123

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    6
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  18 ก.ค. 67 / 11:52 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

                                               หนูจะกลับมาแลดู พ่อเอง

      ที่หมู่บ้านบ้านห้วยยางนา หลังจากที่มีการเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้านคนใหม่เสร็จแล้ว นายยิ่ง ซึ่งได้รับความไว้วางใจจากชาวบ้าน ก็ได้มาดำรงตำแหน่งผู้ใหญ่บ้านแทนคนเก่าที่เพิ่งเสียชีวิตไปได้ไม่นาน  เมื่อก่อนบ้านห้วยยางนา มีเกือบสองร้อยหลังคาเรือน การปกครองของผู้ใหญ่บ้านยังสามารถดูแลกันได้ทั่วถึง หลังจากผู้ใหญ่ยิ่ง ได้รับการแต่งตั้งจากนายอำเภอให้เป็นผู้ใหญ่บ้าน อย่างเป็นทางการแล้ว เขาจึงได้แต่งตั้งผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านสองคน คือนายน้อยกับนายแกะ บ้านของผู้ใหญ่ยิ่ง อยู่หลังตลาด อันเป็นใจกลางของหมู่บ้านพอดี  บ้านของผู้ช่วยน้อย อยู่ทางด้านทิศใต้ ส่วนบ้านผู้ช่วยแกะอยู่ทางด้านทิศเหนือของหมู่บ้าน ผมรู้จักกับผู้ใหญ่ยิ่งก่อนใครๆทั้งหมดเป็นเพราะแม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยวที่เป็นญาติกับผู้ใหญ่บ้าน ได้เป็นคนแนะนำให้ผมรู้จัก

    “อาจารย์ นี่..ผู้ใหญ่บ้าน บ้านห้วยยางนา เจ้า” แม่ค้า แนะนำ

     “สวัสดีครับ ผู้ใหญ่  ยินดีที่ได้รู้จัก”ผมพูดทั้งยกมือไหว้เขา

     “สวัสดีครับ”ผู้ใหญ่ยิ่งพูด

     สุภาพบุรุษร่างเล็กผอม ผมหยักศกใส่เสื้อคอกลม นุ่งกางเกงขาก๊วยเคียนผ้าขาวม้าไว้ที่เอว จากอาการของเขาที่ผมห็นในเวลานั้นคือมีใบหน้าแดงก่ำ พยายามประคับประคองตนให้อยู่ในอาการนิ่ง  เป็นเพราะเขาคงน่าจะยำเกรงเด็กหนุ่มที่เป็นข้าราชการอย่างผม 

     “มาทำอะไร หรือครับ” ผมถาม

    “มาหาซื้อกับแกล้ม ไปกินกับพรรคพวกที่บ้านหน่อยครับอาจารย์ แวะไปเที่ยวที่บ้านผมสักหน่อยมั้ยครับ” ผู้ใหญ่พูด

    “ไกลมั้ยครับ”

    “อยู่หลังตลาด นี่เอง เดินไปแค่ 50 เมตร ก็ถึงบ้านแล้ว  ”

                                ผมนั่งไปคิดสักครู่  จึงตััดสินใจตอบ

    “ก็ได้ครับ ไปก็ไป  อยากรู้จักกันไว้ เผื่อมีอะไรจะได้ช่วยเหลือกัน” ผมพูด

    “งั้นอาจารย์ นั่งรอผมที่นี่สักครู่  เดี๋ยวผมซื้อกับแกล้มได้แล้ว จะแวะมาหา”

      ห้านาทีผ่านไป ..ผู้ใหญ่ยิ่ง ก็ได้แวะมาหา เพื่อพาผมไปยังบ้านของเขา  เวลานั้นบ้านของผู้ใหญ่ ยังเป็นบ้านหลังคามุงจาก สภาพบ้านของเขา แทบไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นบ้านของผู้นำหมู่บ้านเลยสักนิด เพราะมันมีสภาพซอมซ่อ โอนเอน ยังไม่ทันจะก้าวขึ้นบันได ก็มีคนขับรถยนต์ของหมวดการทางซึ่งเป็นสามีคนใหม่ของแม่ค้าก๋วยเตี๋ยวตะโกนทักขึ้นมา

    “อา..ยิ่ง  เดี๋ยวผม จะไปนั่งกินเหล้าด้วยคนนะ  ”

    “มาเลย วันนี้ ผู้ช่วยแกะกับผู้ช่วยน้อย มานั่งรออยู่บนเรือนแล้ว” ผู้ใหญ่ยิ่งพูด

    “ผมขอซ่อมรองเท้าสักครู่ แล้วจะตามไป” เพื่อนบ้านที่มีศักดิ์เป็นหลานเขยพูด

      การได้พบกับผู้นำของหมู่บ้านทั้งสามคน ในวันนี้ .ถือเป็นจุดเริ่มต้น ที่ทำให้ผมมีความคิดที่จะเข้ามาช่วยเหลือในการพัฒนาท้องถิ่น และจากนั้นมา ผมจึงได้มาเป็นที่ปรึกษาผู้ใหญ่ยิ่ง หลายๆงาน ผมได้เข้าไปมาช่วยเหลือนับแต่การจัดหารายได้เข้าหมู่บ้านด้วยการจัดขายบัตรโต๊ะจีน ทั้งยังนำนักดนตรีของสถาบันมาช่วยเล่นให้ฟรี งานนี้ผมยังทำบัตรให้คณะกรรมการเพื่อนำไปจำหน่ายให้กับชาวบ้านในทุกๆหมู่บ้านของตำบลนี้ หลังเสร็จงานจากการจัดโต๊ะจีนแล้วได้เงินกำไรจำนวนหลายพันบาท เงินส่วนนี้จึงไว้ใช้เป็นกองทุนของหมู่บ้านเพื่อการใช้สอยของกลุ่มแม่บ้าน 

       “ข้าเจ้า.ต้องขอบคุณอาจารย์อย่างมากที่ได้สละเวลา ทั้งยังนำวงดนตรีมาช่วยงาน โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ” แม่หลวงพูด

    “ไม่เป็นไรครับ ผมยินดีและเต็มใจที่จะสนับสนุนกิจกรรมเพื่อส่วนรวมอยู่แล้ว  สำหรับวงดนตรีที่ลูกศิษย์ผมมาเล่น ในงานคืนนั้น ผมเป็นคนดูแแลและควบคุมอยู่แล้ว การที่นักดนตรีออกมาแสดงภายนอก ถือว่าเป็นการเพิ่มทักษะและถือเป็นประสบการณ์ชีวิต พวกเขายินดีและเต็มใจอยู่แล้วครับ  ”ผมพูด

                                           *****************************

        ในวงสุราที่ผมได้นั่งดื่มกับผู้ใหญ่บ้านกับผู้ช่วยทั้งสองคนบนบ้านจึงได้ทราบชื่อของผู้ช่วยทั้งสองคน คนที่ชื่อน้อย เป็นคนรูปร่างเล็ก หุุ่นคล้ายๆผู้ใหญ่ยิ่งทั้งยังมีรอยสักยันต์ที่คอหอยเหมือนกัน ผู้ช่วยน้อยดูจะเป็นคนสุภาพ พูดน้อย ส่วนผู้ช่วยแกะ จากที่ได้คุยกัน เมื่อฟังสำเนียงแล้วผมมั่นใจว่าเขาไม่ใช่เป็นคนท้องถิ่นเหนือร้อยเปอร์เซ็นต์  วันนี้ส่วนใหญ่ พวกเราจะคุยกันถึงเรื่องทั่วๆ ไป ช่วงหนึ่งผู้ช่วยแกะได้ซักถามผม

    “ขอโทษครับ อาจารย์เป็นคนจังหวัดไหนหรือครับ”

    “ปราจีนบุรี ครับ ”

    “แล้ว..ผู้ช่วยล่ะครับ  ”

    “ผมคนจังหวัด นครปฐม  ครับ”

     “นั่นสิ  ฟังสำเนียงที่ผู้ช่วยพูด ก็คิดในใจไว้ว่า คงอาจเป็นคนจากสุพรรณ หรือไม่ก็เพชรบุรี  ”

       “มีโอกาส ขอเชิญไปเที่ยวที่บ้านผมบ้าง อยู่ติดกับโรงเรียนบ้านห้วยยางนาเลยครับ ”

       “ครับ”

        เกือบสองชั่วโมงที่เราได้นั่งดื่มสรวลเสเฮฮา  ตามประสาคนที่เพิ่งรู้จักกันใหม่ๆ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้เข้ามาสัมผัสกับผู้นำท้องถิ่นที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลย  มิตรภาพระหว่างข้าราชการหนุ่มกับชาวบ้านที่เป็นตัวแทนฝ่ายปกครอง คงต้องช่วยกันคิด ช่วยกันทำเพื่อการพัฒนาหมู่บ้านให้ดียิ่งขึ้น

                                               ***************************

          เวลานั้น  ผมยังพักอาศัยในบ้านพักราชการ ยังเป็นคนโสด ยานพาหนะที่มีคือจักรยาน ทรัพย์สมบัติที่มีในบ้านมีเพียงกระทะไฟฟ้า 1 ชิ้น หม้อต้มน้ำร้อน สำหรับไว้กินกาแฟ และมีหม้อหุงข้าวใบเล็กๆที่บางครั้งจะหุงข้าวไว้กิน โดยทำไข่ดาว ไข่เจียวกินเอง และบ่อยๆครั้งกับข้าวที่สะดวก คือใช้ปลากระป๋อง น้ำพริกเผา ที่ผมซื้อจากสหกรณ์มาตุนไว้ยามฉุกเฉิน บางทีบางครั้งเมื่อไปตลาดก็แวะซื้อกับข้าวประเภทแกงเผ็ด ต้มจืด อาหารทางเหนืออย่างแกงแค  แกงโฮ๊ะ   ลาบเมือง เคยลองซื้อมากินก็ยังไม่ค่อยคุ้นลิ้นดีนัก นี่ยังจำได้เลยว่า ครั้งท่ี่มาทำงานใหม่ๆเพื่อนสาวชื่อหลิว คนที่เคยชอบกัน ตั้งแต่เรียนเกษตรเจ้าคุณฯ ซึ่งเธอเคยเป็นศิษย์เก่าที่สถานศึกษาแห่งนี้ ได้เคยพาผมไปนั่งทานอาหารพื้นเมืองในตลาดกับเพื่อนสนิทของเธอซึ่งมีอาชีพครูสอนระดับชั้นประถม

       “วันนี้ จะพาขลุ่ย ไปกินอาหารทางเหนือนะ  ร้านนี้อร่อยที่สุดในลำปางเลยนะจะบอกให้” หลิวพูด

       “ยังไงก็ได้ แล้วแต่เธอ” ผมพูด 

        เมื่อไปถึงร้านอาหาร ผมมองเข้าไปภายในร้าน เวลาในขณะนั้นประมาณ11.30 น.  ได้เห็นลูกค้านั่งเนืองแน่น จึงเข้าใจโดยทันทีว่า ร้านนี้คงเป็นร้านอาหารที่อร่อย  

       “โห คนเยอะมากเลยนะ หลิว ”  ผมพูด

       “ยังพอมีโต๊ะว่างด้านหน้าทางโน้น อีกสองที่ ” หลิวพูด พร้อมเดินนำหน้า ผมเดินตามไปอย่างเร่งรีบ เมื่อนั่งโต๊ะไปได้สักประเดี๋ยว พนักงานในร้านก็นำน้ำเย็น มาเสิร์ฟให้ พร้อมทั้งสอบถาม

       “รับอะไรดี ครับ  ”

       “หมูสะเต๊ะ 1 จาน ”  หลิวสั่งกับพนักงาน   และหยุดไปชั่วครู่

       “ครับ  แล้ว.อะไรอีก” พนักงานถาม

       “เรากับเพื่อนจะกินข้าวซอยกัน เราอยากแนะนำให้เธอลองกินดู อร่อยมากเลย ทุกครั้งที่เราเข้ามาในเมืองเป็นต้องมากินร้านนี้”

       “ก็ได้ ข้าวซอย ก็ข้าวซอย   ”

       พนักงานรับคำสั่งอาหารจากลูกค้าแล้ว ก็เดินไปบอกผู้ปรุงอาหาร บังเอิญโต๊ะที่เราไปนั่งมีหนังสือพิมพ์วางอยู่พอดี เพื่อไม่ให้เวลาสูญไปโดยเปล่าประโยชน์ ผมจึงหยิบขึ้นมาอ่าน พลางรอข้าวซอยทั้งยังจินตนาการไปเรื่อยเปื่อย  

      “หมูสะเต๊ะครับ  ” พนักงานพูด

       “ขลุ่ย ชิมสิ  อร่อยมากเลยแหละ  ” หลิวพูด เธอเอาใจเพื่อนเก่าหลังจากไม่พบกันกว่าสองปี 

        ผมค่อยๆบรรจงไปหยิบหมูสะเต๊ะไม้แรกเข้าปาก ตอนพนักงานมาเสิร์ฟใหม่ๆ กลิ่นของมันเย้ายวนให้ลองสัมผัสแล้ว แต่จะอย่างไร เราต้องรักษาฟอร์มเด็กเมืองกรุง

        “อืม ไม่เลว  อร่อยจริงๆ  ” ผมพูดออกจากใจ 

        “สงสัย ต้องสั่งอีกสักจานดีมั๊ง”  ผมคิดในใจ

          ขณะรอข้าวซอย ทุกคนก็กินหมูสะเต๊ะไปพลาง จากที่ผมคาดคะเนในจานนี้ คงน่าจะมี 20 ไม้ เนื้อหมูบางมาก ว่าไปแล้ว กินได้ไม่ค่อยจุใจนัก 

        “ช้าหน่อยนะ คนเยอะ”  หลิวพูด

        “ไม่เป็นไร  รอได้ยังไม่หิวเลย ” ผมพูด

         “ข้าวซอยมาแล้วครับ  ”

         ผมได้ยินคนเสิร์ฟบอกข้าวซอยมาแล้ว  ผมมองไปยังชามบะหมี่ ที่มีน้ำแกงเหมือนแกงกะหรี่ ที่ผมเคยกิน ก็เลยวางเฉย ยังคงนั่งรอข้าวซอยที่หลิวสั่งให้ชิม  ผมยังก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือพิมพ์ และนานๆครั้งก็หยิบหมูสะเต๊ะ เข้าปาก  จนในจานเหลือไม่กี่ไม้ 

        “ขอหมูสะเต๊ะเพิม อีกจานนึง เจ้า” หลิว พูด

         “เย็นหมดแล้ว ทำไม?? ไม่กินซะทีล่ะเธอ  ” หลิวพูด

        "ไหนล่ะ ข้าวซอย เห็นมีแต่บะหมี่กระทิ บนโต๊ะ

       “นี่แหละข้าวซอย  ”  หลิวพูด

        ผมทำหน้างงๆ  สักครู่จึงขยับชามที่เพื่อนบอกว่าเป็นข้าวซอยมากิน ลำดับแรกก็ลองซดน้ำ เมื่อลิ้นได้สัมผัสก็รู้สึกปูเลี่ยนๆ พยายามจำใจกิน ก็ได้เต็มที่เพียงสี่คำก็เลยวางช้อนแล้วสั่งผัดซีอิ๊วมากินแทน ในใจยังนึกกังขา

     “อะไรวะ ข้าวซอย ไม่เห็นมีข้าวสักเมฺ็ด แต่เป็นเพียงแค่ เส้นหมี่เหลือง” 

                                                ******************  

    วันนี้เราจะเข้าไปหาครูใหญ่เพื่อคุยเรื่องการพัฒนาโรงเรียนสักหน่อย จากนั้นเราลองแวะบ้านผู้ช่วยแกะดูสักหน่อย เผื่อจะสร้างความคุ้นเคยกัน  อีกอย่างผู้ช่วยแกะก็เป็นคนภาคกลางเหมือนกับเราคงคุยและเข้าใจกันง่ายโดยไม่ต้องแปลความ เมื่อได้ไปพบครูใหญ่ตอนสี่โมงเย็นและคุยธุระเสร็จผมจึงแวะบ้านผู้ช่วยแกะ  

    เสียงสุนัขเห่าคนแปลกหน้า ผมค่อยๆจูงจักรยานเข้าไปใกล้ทางเข้าบ้าน ชายหน้าตี๋เสี่ยงเหนอทักทายออกมา

    “เชิญครับอาจารย์  ลมอะไร พัดพามาครับ เนี่ยะ ”

    “พอดี แวะมาคุยกับครูใหญ่ เพื่อจะนำนักศึกษามาช่วยทำสื่อการสอนและในเสาร์ จะนำนักศึกษาจะมาช่วยซ่อมหลังคาโรงอาหารที่รั่ว ” ผมพูด

     “ดีครับ ยังไง ผมจะชวนชาวบ้านที่อยู่แถวนี้ มาช่วยอีกแรง”

     “ปลูกผักอะไร บ้างครับ ที่สวน ”

     “หลายอย่างครับ มีตั้งแต่ ผักคะน้า ผักกาดขาว ผักสลัด  กะหล่ำปลี และที่คิดว่าจะปลูกเป็นหลักคือกุ้ยช่าย เพราะได้ราคาดี”

    "กุ้ยช่ายนี่ หากินยากมาก เลยครับ ผมนี่ ชอบมากเลยเวลากินกับก๋วยเตี๋ยวผัดไทย เป็นต้องใช้เป็นเครื่องเคียงแต่หากไม่มีก็ขอให้เป็นถั่วงอกหรือหัวปลีก็ได้” ผมพูด

     “เดี๋ยววันนี้กำนันจะแวะมาที่บ้านผม อยากให้อาจารย์ อย่าเพิ่งรีบกลับ นะครับ”

    “ได้ครับ”

    “เข้าไปนั่งในบ้านก่อน ฟังเพลงเก่าๆ ครับ”

    “ชอบเหมือนกันเลยครับ”

           ขณะเพลงเริ่มเปิดไปได้สักหน่อย ผมได้ยินรถยนต์มาจอดที่หน้าบ้านผู้ช่วยฯ เห็นเด็กหนุ่มลงจากรถแล้วเดินไปทักทายพ่อ

        “สวัสดีครับพ่อ  “ เด็กหนุ่ม อายุประมาณ 15 ปีทักทาย

       เขาเดินเอากระเป๋าไปเก็บไว้ที่ห้องส่วนตัว  ผู้ช่วยฯเดินไปบอกลูกชายให้เข้ามาทักทายกับแขกของพ่อ

      “นี่อาจารย์ จากวิทยาลัยฯ..น่ะลูก”

     “สวัสดีครับ “ 

     “ลูกชายของผมเอง ครับอาจารย์ ชื่อเอ“ ผู้ช่วยบอก 

     “เรียนที่ไหน ครับ”

    “  อยู่ชั้น ม.3 ของโรงเรียนเอกชน ปีหน้าจะเข้าเรียนต่อที่เทคนิค ครับ”

      จากที่ผม สังเกตดูอาการของนายเอ ดูเขามีจริตจะก้าน ออกตุ้งติ้งดังสตรี ครู่ต่อมา เขาก็เดินเข้าครัวไปช่วยแม่ ทำอาหาร

       “วันนี้ จะมีอาจารย์วีระ อาจารย์ดีเด่นด้านแม่ไม้มวยไทยของจังหวัด  มี ผู้ช่วยน้อยและกำนันประยงค์ จะมานั่งดื่มเหล้า และจะมาร้องคาราโอเกะ“ผู้ช่วยแกะพูด

       “อาจารย์วีระ ผมรู้จักครับ ยังจำได้ว่าเคยไปยืมอุปกรณ์เวทีมวยไทยที่วิทยาลัยพละศึกษามาจัดแข่งที่สถาบัน “ผมพูด

         ในห้องครัว .แม่บ้านของผู้ช่วยผู้ใหญ่และลูกชายกำลังปรุงอาหารกันอย่างสุดฝีมือ ขณะนั่งรอเพื่อนร่วมวงที่กำลังจะมา ผู้ช่วยได้เอายาดองเสือ11ตัวมากินกันก่อน ผมกับเขานั่งคุยถึงเรื่องที่มาที่ไป เป็นมาอย่างไร จึงมาอยู่ที่จังหวัดนี้ 

     “ผมเจอกับแม่บ้านที่กรุงเทพ ตอนนั้น ผมทำงานที่ห้างเป็นช่างไฟฟ้า ส่วนแม่บ้านผมเป็นพนักงานขาย  “

    “อ้อ อย่างนี้เอง  มีลูกคนเดียวหรือครับ  ”

    “ครับ ลูกผม อรชรอ้อนแอ้นไปหน่อยนะอาจารย์ “

     ผมรีบเปลี่ยนเรื่องคุยทันที เพราะดูท่าทีว่า หากคุยเรื่องนี้ต่อไปอีก ผู้ช่วยแกะคงน็อตหลุดกับพฤติกรรมลูกของเขา

     “ผมสนใจ เรื่องการปลูกผัก ของผู้ช่วยมากเลยนะ  ”

    “จริงๆ แล้วครอบครัวของผมเป็นชาวสวนมาก่อน นะครับอาจารย์ ” ผู้ช่วยฯพูด

    “ยุ่งยาก มั้ยครับ ปลูกผัก  ”

    “ไม่ยุ่งยาก เท่าไหร่ เคยชินแล้วล่ะครับ วันๆ ผมกับเมียช่วยกันมาตัดผักตอนเย็นๆ เพื่อเตรียมตัดแต่งให้สวยงาม และไปส่งที่ตลาดตอนตี่สี่  ”ผู้ช่วยพูด

    “รายได้ เป็นไง  ”

    “พออยู่ได้ครับ นอกเหนือจากนี้ผมยังมีงานทำเพิ่มอีกสองอย่างคือรับจ้างเดินสายไฟฟ้าให้กับช่างทำบ้าน กับรับจ้างขับรถส่งนักเรียนใกล้ๆ แถวนี้” 

        “ใครมา หริอครับ”

       “กำนัน  ”

      “คุ้นๆ หน้าครับ  อายุประมาณผมเลยนะ   ”

     “ครับ กำนันคนนี้ เป็นช่างทำสีรถยนต์อยู่ที่หมู่บ้านไทรเหนือ"

      หลังจากกำนัน มานั่งโตํะได้สักครู่ อาจารย์ วีระก็มาถึง  เวลานั้นจึงมีสมาชิก 4 คน ผู้ช่วยแกะบอกให้อาจารย์วีระช่วยดำเนินการ ต่อลำโพง เพื่อจะได้เปิดคาราโอเกะ เพื่อร้องเพื่อความบันเทิง  เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยอาจารย์วีระจึงได้ทดลองร้องเพลง 

            ใกล้หกโมงเย็น..ตะวันเริ่มลับหายจากขอบฟ้า  คนทีี่มาภายหลังสุดคือผู้ช่วยน้อย เขาได้หิ้วยาดองติดมือมาด้วย  ในชนบทอย่างนี้ ส่วนใหญ่สุราพื้นบ้านจะช่วยประหยัดเงินตรากว่าที่จะอุดหนุนสุราโรงงานของนายทุนใหญ่  อาหารถูกเสิิร์ฟ จากบุตรชายของผู้ช่วยแกะ  

    “ตัวเองๆ วันนี้ ทำอะไร มาให้เตี่ยกินละ”  ผู้ช่วยแกะ หยอกล้อลูกชาย

       สมชาย เป็นคนเรียบร้อย นิสัยรักสวยรักงามและชอบทำอาหาร ส่วนใหญ่ จะสนิทกับแม่มากกว่า ว่าไปแล้ว น่าเห็นใจเด็กคนนี้ เพราะรอบบ้านๆเขาไม่มีเพื่อนเลย เนื่องจากบ้านที่ปลูกสร้างห่างไกลจากใจกลางของหมู่บ้าน จนเกือบติดป่า ผู้ช่วยแกะใช้สรรพนามกับลูกว่าเตี่ย เนื่องจากเขามีเชื้อสายคนจีน 

     “ต้มยำปลาช่อน  ผัดผักรวมมิตร ยำวุ้นเส้น จ่ะเตี่ย” สมชายพูด

    “เหรอจ๊ะ คนสวย” ผู้ช่วยหยอดคำหวาน ลักษณะบูลลี่ลูกของตนเอง คงเพราะเริ่มเมาแล้ว

     “ไม่ดีเลยครับ.. ผู้ช่วย ผมว่า ยังไงอย่าไปซ้ำเติมปมของเขาอีกเลย จิตใจเขาเป็นอย่างนี้แล้ว คงค่อยๆแก้ไขและให้เขาค่อยๆปรับตัวไปตามสิ่งแวดล้อม”

    “คงยากแหละครับ มีลูกชายก็หวังจะให้สิบสกุล เป็นแมน นี่ดันกลับมาเป็นตุ๊ด บอกตรงๆ ผมอายชาวบ้านนะ”

    “คนเรา จะฝืนธรรมชาติไม่ได้หรอก  ผมว่าใจเย็นๆ ยังไงก็ลูกเรา ยามแก่เราก็อาจพึ่งพิงลูกก็ได้”

    “น้ำหน้า อย่างนี้เหรอ ขอให้มันเลี้ยงตัวเอง ให้รอดเถอะ”

    เหตุการณ์ชักหนักขึ้น ผมจึงเดินไปสะกิดสมชาย ให้ห่างจากวงเหล้า และคุยให้กำลังใจเธอไป 

    “ต้องทำความดี  ต้องเอาชนะใจพ่อให้ได้ เขาจะพูดอย่างไร ขอให้อดทน พยายามตั้งใจเรียน และสักวันในอนาคตโชคอาจเป็นของเรา”ผมพูด

      กว่าจะเลิกจากงานพบปะสังสรรค์  ก็เกือบสองยาม ผมขอตัวกลับค่อยๆขี่จักรยานกลับเข้าท่ี่พัก แสงจันทร์ส่องบนพื้นถนนยางมะตอย พอคลำทางกลับถึงที่พักได้ไม่ยากเย็น

     “สงสาร สมชายนะ   ผู้ช่วยนี่ก็เหลือเกิน มาฉีกหน้าโดยไม่เกียรติลูกตนเองเลยสักนิด  นี่มันยิ่งเพิ่มปมด้อยของลูกหนักขึ้นไปอีก”  ผมคิด 

             ด้วยระยะทางที่ไกล และด้วยความเกรงใจ ผมจึงไม่ค่อยได้ไปหาผู้ช่วยแกะ แต่ก็ยังพยายามติดตามข่าวคราวของลูกชายของเขา ว่าเรียนที่ไหน และไปทำอะไร

                                                       15 ปีต่อมา………..

    “ลูกข้าเจ้า  ไปทำงานอยู่ที่พัทยา เปิ้น มีครอบครัวแล้ว ได้ภริยาเป็นเจ้าของห้องอาหาร” ภริยาผู้ช่วยแกะพูด

    “หา ว่าไงนะครับ”ผมถาม ด้วยอาการ ฉงนใจ

    “สมชายแต่งงานกับหญิงแท้ๆ มีลูกแล้วสองคนเป็นเจ้าของร้านบาร์เบียร์  ”ภริยาผู้ช่วยพูด

    “ดีจัง  ลบคำสบประมาทเตี่ยเขาได้จริงๆ ”ผมพูดกับภริยาผู้ช่วยแกะ

    “นี่..ลูกส่งเงินมาให้พ่อสร้างบ้านหลังใหม่ ในสวนที่ปลูกผักหลังใหญ่ใช้งบกว่าสิบล้านบาท ”

    “สบายเลยสิท่า ผู้ช่วยวันนี้.. ไม่รู้ว่าแก ยังจำได้หรือเปล่า ที่เคยบูลลี่ลูกชายเมื่อ20กว่าปีก่อนนี้"ผมพูด

     “คงจำได้ วันนี้หงอ นิ่งเงียบ ไม่กล้าจีบปากจีบคำดังแต่ก่อนแล้ว”  ภริยาผู้ช่วยพูด

         ทุกเช้าที่ผมเดินออกกำลังกายผ่านบริเวณนั้น  ได้เห็นบ้านหลังใหญ่ราวปราสาท มีรั้วรอบขอบชิด  ผักหญ้าที่เคยปลูก ลูกชายสั่งให้งด มีหน้าที่ดูแลและเลี้ยงหลานให้อย่างเดียว

                                                  มันต้องอย่างนี้สิ  สมชาย.

                                                        ขลุ่ย  บ้านข่อย   

                                                        (๑๘-๗- ๖๗)

    นิยายแฟร์ 2024
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×